ระบบน้ำหยดทำเองงบสามพัน ปลูกผักได้ตลอดทั้งปี
ไม่หวั่นแล้งอีกต่อไปเมื่อได้พบกับระบบน้ำหยดที่มีประสิทธิภาพและราคาประหยัด เนื่องจากในปัจจุบันฤดูกาลนั้นผิดปกติไปมาก ในช่วงหน้าฝนแทนที่ฝนจะตกกลับแล้ง หน้าร้อนแทนที่จะแล้งกลับฝนตก ทำให้คาดเดาสภาพอากาศไม่ถูกการปลูกผักตามฤดูกาลจึงไม่ได้ผลดีอีกต่อไป ส่งผลให้เกษตรกรทั้งหลายเกิดปัญหาขาดทุนผลผลิตไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุให้เกิดระบบน้ำหยดนี้ขึ้นมา เพื่อสามารถให้น้ำแก่พืชและทำให้ดินชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้พืชได้รับน้ำได้อย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อกล่าวถึงระบบน้ำหยดเกษตรกรรายย่อยหลายคนคงไม่อยากจะทำเนื่องจากขึ้นชื่อเรื่องวัสดุและการติดตั้งที่มีราคาสูงและยุ่งยาก แต่วันนี้ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะได้นำระบบน้ำหยดราคาประหยัดลงทุนเพียง 3,000 บาท เท่านั้น อุปกรณ์ก็หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป ที่สำคัญประสิทธิภาพดีไม่แพ้ระบบน้ำหยดที่ต้องลงทุนเป็นหมื่นเป็นแสนเลย
คุณธราวุฒิ ไก่แก้ว วิศวกรผู้ชำนาญการ แห่ง สำนักปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก) ได้นำความรู้มาเผยแพร่เกี่ยวกับระบบน้ำหยดสำหรับพืชผักสวนครัว ที่ได้ทดลองใช้ในแปลงปลูกผักในพื้นที่ไม่เกิน 200 ตร.ม. มีขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 20 เมตร และในพื้นที่นั้นทำการปลูกพืชให้มีระยะห่งระหว่างแถวประมาณ 50 เซนติเมตร
การติดตั้งทำได้ดังนี้
1.เตรียมถังน้ำขนาด 200 ลิตร วาล์ลน้ำ ท่อพีวีซี ชุดกรองน้ำเกษตร เทปพันน้ำหยด ข้อต่อท่อต่างๆ และอุปกรณ์ต่อพ่วง
2.เริ่มจากเจาะรูที่ก้นถัง 200 ลิตร ประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อเป็นทางน้ำไหลออกถัง
3.ขั้นต่อมาให้นำให้นำข้อต่อพีวีซีมาพันด้วยเทปพันหยดน้ำด้านเกลียวนอก แล้วขันเข้ารูให้สนิทแล้วล็อคเข้าข้อต่อพีวีซีเกลียวนอก
4.ติดตั้งวาล์ลท่อพีวีซี โดยการติดตั้งชุดกรองน้ำเพื่อการเกษตร ให้หัวลูกศรของตัวกรองหันไปที่ทิศทางการไหลของน้ำ
5.จากนั้นต่อท่อพีวีซีให้มีขนาดตามความกว้างของหัวแปลงแล้วยกถัง 200 ลิตร ตั้งไว้บนที่สูง โดยให้สูงกว่าแปลงประมาณ 1-2 เมตร
6.ขั้นต่อมาทำการเจาะท่อพีวีซีในตำแหน่งที่ต้องการ แล้วใส่ลูกยางกันรั่วในรูที่เจาะ แล้วติดตั้งเทปน้ำหยดในขั้นต่อไป
7.จากนั้นให้เปิดน้ำเพื่อระบายสิ่งสกปรกและตะกอนออกไป ก่อนทำการครอบฝาท่อพีวีซีเพื่อปิดหปลายทั้งสองข้าง
8.ต่อมาพันเทปน้ำหยดเข้ากับข้อต่อให้แน่นโดยให้รูน้ำสำหรับหยดหงายขึ้นมา เปิดวาล์ลทดสอบดู ว่าน้ำไหลสะดวกหรือไม่ เป็นอันเสร็จ
อ่านวิธีการแล้วไม่เข้าใจสามารถดูรูปภาพประกอบได้เลยค่ะ*
ผลการใช้ระบบน้ำหยดนี้ พบว่าประหยัดทั้งแรงงานและเวลา การให้น้ำใช้เวลา 30-40 นาที แต่ใช้น้ำเพียง 50 ลบ.ม.ต่อฤดูกาลเท่านั้น ถือว่าประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะมากๆทีเดียว
สำหรับเกษตรกรท่านใดอยากมีระบบน้ำหยดไว้ใช้ในไร่ของต้นเองแต่ติดเรื่องต้นทุน ก็สามารถนำระบบน้ำหยดงบน้อยนี้ไปประยุกต์ใช้กันได้นะคะ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : ไ ท ย รั ฐ
เรียบเรียงข้อมูล : Postnoname