รวมเรื่องเล่าพระราชอารมณ์ขัน ของ ในหลวงรัชกาลที่9
ในวันนี้ขออัญเชิญพระราชอารมณ์ขัน ของ ในหลวงรัชกาลที่9 ที่อ่านเมื่อใดก็รู้สึกประทับใจมิรู้ลืม มาแบ่งปันให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ
เรื่องที่1 ห้ามลอดซุ้ม
เมื่อราวๆปี พ.ศ.2498 เป็นต้นมา คราใดที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล นั้น จะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เองไปยังท้องที่ห่างไกลทุรกันดารย่านหัวหิน หนองพลับแก่งกระจาน โดยที่ราษฏรไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อนว่าพระเจ้าผ่นดินจะเสด็จมา
ในวันหนึ่งทรงขับรถยนต์พระที่นั่งผ่านไปถึงยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านห้วยมงคล อำเภอหัวหิน ซึ่งราษฎรก็กำลังช่วยกันตกแต่งประดับซุ้มรับเสด็จกันอย่าขยันขันแข็ง และไม่เคยคาดคิดว่ารถยนต์ที่ขับมาจะเป็นรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ จึงกล่าวว่า
“วันนี้ห้ามลอดผ่านซุ้มนี้ เพราะขอให้ในหลวงผ่านก่อนนะ..” ดังนั้นพระองค์จึงทรงขั รถพระที่นั่งเบี่ยงไปข้างทางไม่ลอดซุ้มดังกล่าว
พอวันรุ่งขึ้นมาถึง เมื่อทรงขับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในหมู่บ้านดังกล่าวอย่างเป็นทางการ พร้อมคณะข้าราชบริพารและผู้ติดตามเสด็จ จึงทรงมีพระดำรัสทักทายกับชายผู้นั้นที่เฝ้าอยู่หน้าซุ้มเมื่อวานว่า
“วันนี้ฉันเป็นในหลวง..คงผ่านซุ้มนี้ได้แล้วนะ”
เรื่องที่2 นกสามตัว
ครั้งหนึ่งที่ทรงเสด็จเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของเหล่าราษฎรผู้หนึ่งที่ คณะผู้ตามเสด็จก็รู้สึกแปลกใจว่าการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วของชาวบ้้านและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างดี จนเมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันฐานถึงการใช้ราชาศัพท์ที่ดีของชาวบ้านผู้นี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
“ข้าพระพุทธเจ้านั้นเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากขึ้นจึงเลิกรามาทำนาทำสวนแทน พระพุทธเจ้าข้า”
เมื่อตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้บริเวณชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรหรือและเลี้ยงไว้กี่ตัว
พ่อลุงลิเกเก่าก็รีบกราบบังคมทูลว่า “มีทั้งหมดสามตัวพะยะค่ะ พระมเหสี มันบินหนีไป ทิ้ง พระโอรส ไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็กนัก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้ พระบิดา เลี้ยงดูอยู่แต่ผู้เดียว”
เรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่โดย ดร.สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้แต่ ในหลวงรัชกาลที่9 เอง
เรื่องที่3 จับดี ๆ หน่อยสิ
อีกเรื่องที่น่าขันไม่แพ้กันโดย มีช่างซ่อมไปทำฝ้าเพดานในวัง คนนึงกำลังยืนบนบันไดส่วนหัวอยู่ใต้ฝ้า อีกคนคอยระวังจับบันไดอยู่ด้านล่าง ประจวบเหมะพอดีในหลวงเสด็จมาคนที่อยู่ข้างล่างเมื่อเห็นในหลวงก็รีบก้มลงกราบ คนอยู่ด้านบนไม่เห็น ก็เลยบอกว่าบอกว่า “เฮ้ย จับดีๆ หน่อยสิ อย่าให้แกว่ง”
ในหลวงทรงจับบันไดให้ ช่างบนบันไดก็ชมว่า “เออดี เสร็จงานนี้จะให้เป็นช่างจริงๆ” เมื่อเสร็จงานช่างคนนั้นก็ก้าวลงจากบันได พอเห็นว่าในหลวงเป็นผู้จับบันไดให้ ถึงกับทรุดเข่าอ่อนจะตกบันไดเลยทีเดียว รีบลงมาก้มกราบอย่างรวดเร็ว
ในหลวงทรงตรัสกับช่างว่า “แหม ดีนะที่ชมว่าใช้ได้ แถมจะปรับตำแหน่งให้เป็นช่างอีกเสียด้วย”
เรื่องที่4 เราไม่ใช่มิกกี้เมาส์
เมื่อครั้งท่านทรงมีพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำ พระบรมฉายาลักษณ์ ของพระองค์ท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ เมื่อพระองค์ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า “ไปบอกเค้านะ เราไม่ใช่มิกกี้เมาส์ “
เรื่องที่5 เหมือนในหลวงจัง
เคยมีคนเล่าให้ฟังนานแล้วว่า ครั้งหนึ่งในหลวงทรงเสด็จไปที่ ตลาดสด ทรงแวะไปเสวยก๋วยเตี๋ยวโดยส่วนพระองค์ แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว สังเกตเห็นก็สงสัย จึงทูลถามท่านว่า
“ทำไมหน้า เหมือนในหลวงจัง?” ท่านก็ไม่ทรงไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้ม ๆ ทรงจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยว แล้วตรัสชมว่าก๋วยเตี๋ยวอร่อย ส่วนตัวแม่ค้าเองมารู้ที่หลังว่าเป็นในหลวงก็ได้แต่ปลื้ม
เรื่องที่6 พระหมด
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมราษฎร ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจก พระเครื่อง ให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
ราษฎรผู้หนึ่งจึงกราบบังคมทูล ขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า “ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์” ในหลวงทรงตรัสว่า “ขอเดชะ พระหมดแล้ว”
เรื่องที่7 คนในแบงค์
เรื่องนี้สุดประทับใจ ช่วงนั้นเพื่อนได้เข้ารับถวายงานพยาบาลต่อทูลกระหม่อมฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ในเวลาเช้าตรู่เช้าตรู่มีโทรศัพท์ดังขึ้นใน ห้องบรรทมของพระองค์ท่าน เพื่อนจึงรับสาย จากนั้นก็มีเสียงปลายสายพูดมาว่า
“ขอสายฟ้าหญิง” เพื่อนจึงได้ถามกลับไปว่า “ขอประทานโทษค่ะใครจะเรียนสายด้วยคะ”
ปลาสายกล่าวว่า “บอกเขาว่าคนในแบงค์โทรมา” เพื่อนก็ถามกลับไปอีกว่า “ธนาคารไหนคะ “
เพื่อนก็ออกอาการงงอยู่พักใหญ่ จึงรีบเดินไปทูลฟ้าหญิงจุฬาภรณ์
พอกลับมานั่งทบทวนอีกครั้ง “คนในแบงค์โทรมา” เมื่อได้คำตอบในหัวแล้วถึงกับตื้นเต้นขนลุก คนปลายนั้นคือ “ในหลวง” นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูล : soldiersiam