สิ่งที่หลายๆคนยังเข้าใจผิด ผักไฮโดรโปนิกส์ ไม่ใช่ผักออแกนิค

สิ่งที่หลายๆคนยังเข้าใจผิด ผักไฮโดรโปนิกส์ ไม่ใช่ผักออแกนิค

หลายคนมักจะสับสนกับคำว่าผักไฮโดรโปนิกส์และผักออแกนิก ฟังดูแล้วมันเหมือนกันเลยคิดว่าผักทั้งสองชนิดนี้เป็นผักมาตรฐานระดับเดียวกัน…แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เดี๋ยวเรามาค่อยๆ ทำความเข้าใจกัน

ผักไฮโดรโปนิกส์จะปลูกในน้ำ ดูสะอาดตา ผักรสชาติกรอบ ฉ่ำน้ำ เวลาซื้อบางครั้งเราอาจจะเจอฟองน้ำอยู่บริเวณรากด้วย

ผักออแกนิกจะปลูกบนดิน ผักจะมีกรอบและฉ่ำน้ำน้อยกว่า น้ำหนักเบากว่า เวลาซื้อต่อ กก. จะได้ปริมาณผักเยอะกว่าหน่อย ตอนซื้อบางครั้งอาจจะเจอดินติดมาบริเวณรากด้วย

ผักไฮโดรโปนิกส์ จะเติบโตได้จากธาตุอาหารที่มาจากปุ๋ยเคมีสังเคราะห์ละลายน้ำปล่อยลงไปในรางปลูก ทำให้พืชสามารถได้นำธาตุอาหารเหล่านี้ไปใช้ในกระบวนการเติบโตได้

ผักออแกนิค จะเติบโตได้ด้วยธาตุอาหารที่อยู่ในดิน โดยมีจุลินทรีย์เป็นตัวช่วยย่อยสลายเศษผัก เศษอาหาร ใบไม้แห้ง มูลสัตว์ ฯลฯ ทำให้ได้แร่ธาตุอาหารสำหรับพืช เมื่อเรารดน้ำผัก ธาตุอาหารเหล่านี้ก็จะละลายไปเป็นอาหารพืชผักต่อไป

ลองดูตารางนี้ จะทำให้เข้าใจมากขึ้นถึงที่มาของอาหารในกระบวนการปลูกทั้งสองแบบ

ในการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ ผู้ปลูกต้องมีความรู้ความเข้าใจในระบบการปลูก มิฉะนั้นอาจเกิดสารเคมีตกค้างในผักได้ แต่การปลูกในระบบนี้จะไม่เกิดโรคพืชที่เกิดในดิน ผักสวยงาม

ส่วนการปลูกแบบออแกนิคนั้น จะเจอโรคพืชหลายด้าน ทั้งจากในดิน ฟ้า อากาศ และแมลงศัตรูพืช ดินแน่นเกิน ชื้นเกิน แห้งเกิน ผักก็ไม่ดี ไหนจะหนอน แมลงวันทอง หอยทาก หอยเจดีย์ มด ฯลฯ ทำให้หลายครั้งก็เจอผักเป็นรูไม่สวยงาม

ในการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ จะจัดการดูแลง่ายกว่า ควบคุมสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า ควบคุมธาตุอาหารที่พืชได้รับได้ดีกว่า

ส่วนการปลูกแบบออแกนิคจะจัดการดูแลยากกว่า โดยเฉพาะเรื่องสภาพอากาศที่ปัจจุบันนี้ฤดูกาลเปลี่ยนไป จนไม่รู้ว่าช่วงไหนฤดูอะไรแน่ อย่างเช่นปีนี้ฝนมาเร็วกว่าปกติ ชาวสวนทุเรียนที่กำลังรอผลสุกอีกสักหน่อยในช่วงหน้าร้อน จู่ๆ กลายเป็นหน้าฝนซะงั้น แถมมีน้ำท่วมอีกต่างหาก เกิดความเสียหายกันอย่างมาก

หากเทียบผลผลิตที่ได้เท่ากัน การปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์จะใช้พื้นที่น้อยกว่าการปลูกแบบออแกนิค

หากจะลองปลูกผักในพื้นที่ที่เท่ากัน สมมติในพื้นที่เล็กๆ ในเมือง การลงทุนปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์จะใช้การลงทุนสูงกว่าเพราะต้องมีการวางระบบน้ำ รางปลูก เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ฯลฯ

ส่วนการปลูกแบบออแกนิคจะลงทุนต่ำกว่า จะมีค่าใช้จ่ายก็พวกกระถาง ดิน เมล็ดพันธุ์ จอบ เสียม ฯลฯ

แต่ค่าแรงงานสำหรับการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ก็ต่ำกว่า ไม่ต้องใช้แรงงานเยอะก็สามารถดูแลลกระบวนการปลูกได้ แต่แบบออแกนิคจะใช้ต้นทุนแรงงานมากกว่า ไหนจะทำดิน ทำปุ๋ย รดน้ำ เก็บวัชพืช ถอนหญ้า และอีกจิปาถะ

การปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์จะสามารถปลูกผักได้ต่อเนื่องได้ดีกว่าการปลูกแบบออแกนิค เพราะการปลูกแบบออแกนิคจะต้องมีการเว้นระยะ พักแปลงผักเพื่อปรับปรุงดินใหม่ให้มีธาตุอาหารเพียงพอสำหรับพืช

ทีนี้ลองมาดูเรื่องการจัดประเภทผลผลิตการเกษตร หรือบางทีพวกเราก็เรียกกันว่าระดับมาตรฐานการปลูก

จะเห็นได้ว่าการปลูกผักอนามัย ผักปลอดภัย ผักไร้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์) อยู่ในระดับเดียวกัน คือสามารถใช้เมล็ดพันธุ์ GMOs, ปุ๋ยเคมี, ยาฯเคมี, ฮอร์โมนสังเคราะห์ ในกระบวนการปลูกได้

ส่วนผักออแกนิค จะไม่ใช้ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น คือ ไม่ใช้เมล็ดพันธุ์ GMOs, ใช้ปุ๋ยจากธรรมชาติ, ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง, ใช้ฮอร์โมนที่หมักจากพืช ผัก ผลไม้

ดังนั้น ผักไฮโดรโปนิกส์ ผักอนามัย ผักปลอดภัยจะอยู่ในระดับผลผลิตเดียวกัน ซึ่งจะมีหน่วยงานดูแลรับรองในกระบวนการปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตตามมาตรฐาน เช่น GAP จากกรมวิชาการเกษตร

ส่วนผักออแกนิคหรือผักอินทรีย์ ก็จะอยู่อีกขั้นหนึ่งที่ไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น โดยมีหน่วยงานที่ดูแลรับรองเพื่อให้ได้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เช่น PGS, มกอช., มกท.หรือ IFOAM

ดังนั้น ทั้งผักไฮโดรโปนิกส์และผักออแกนิค ก็มีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยกันไปในบางจุด ส่วนเราจะเลือกกินหรือเลือกปลูกแบบไหนก็ลองประเมินดูให้เหมาะกับความชอบและวิถีการดำเนินชีวิตของตนเอง

แต่ไม่ว่าอย่างไร เมื่อเราพยายามเลือกผักที่ดีที่สุดแล้ว ก็อย่าลืมดูเรื่องเครื่องปรุงที่นำมาประกอบอาหารด้วยนะ เคยเห็นบางคนพยายามหาผักออแกนิคมากิน แต่มาตายตอนจบตรงเครื่องปรุงนี่แหละ ประโคมใส่ลงไปสารพัดทั้งซุปผง ซุปก้อน น้ำมันหอย ซ้อสต่างๆ ฯลฯ…จบกันพอดี

ได้ผักดีก็ต้องกินกับเครื่องปรุงดีด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีของตนเอง

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก : เพจ iGreen.co.th
Facebook Comments

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *