ที่ดินแค่ 2 งาน เพาะต้นกล้าขายแต่สร้างรายได้ปีละล้าน…!!! ทำยังไงมาดูกัน
คุณสิริกร ชาญชำนิ เจ้าของสวนเพาะกล้าเงินล้าน วัย 46 ปี มีอาชีพเพาะกล้าพืชผักขาย สร้างรายได้เลี้ยงปากท้องและครอบครัวได้หลักล้านต่อปี บนพื้นที่เพียงแค่ 2 งาน โดยใช้อาศัยประสบการณ์จากจากงานด้านเมล็ดพันธุ์กว่า 20 ปี มาสร้างอาชีพให้ตัวเอง จนประสบความสำเร็จ แค่เริ่มต้นทำในสิ่งที่รักและรักในสิ่งที่ทำ และรายได้เป็นกอบเป็นกำก็จะตามมา
คุณสิริกร ชาญชำนิ เกษตรกรวัย 46 ปี เจ้าของสวนเพาะกล้าพืชผักสวนครัวทุกชนิดเจ้าเดียวของจังหวัดขอนแก่น มีอาชีพเพาะกล้าขายมานานกว่า 10 ปี ตั้งอยู่ที่บ้านท่าโพธิ์ ตำบลท่ากระเสริม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา เล่าถึงปูมหลังที่ทำให้ตนมายึดอาชีพนี้ว่าก่อนจะมาจับงานตรงนี้ตนได้ทำงานประจำในบริษัทเมล็ดพันธุ์นานกว่า 20 ปี จึงใช้ประสบการณ์และความรู้จากงานดังกล่าว มาทำร้านเพาะกล้าต้นไม้ขาย บนพื้นที่ที่มีเพียงแค่ 2 งาน เพื่อทำการเพาะกล้า โดยเริ่มต้นจ+ากการลองผิดลองถูกมามาก มีทั้งล้มทั้งเหนื่อย แต่ด้วยความเป็นคนใจเย็น ขยันอดทน และ รักในสิ่งที่ทำ ตลอดจนมีการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเหนี่ยวนำการทำงาน ด้วยความคิดที่อยากเป็นนักวิชาการด้านพืช มาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ จึงทำให้ตัดสินใจได้ง่ายในการลงทุนครั้งนี้ เพราะรู้ชัดว่าการเพาะต้นกล้านั้นแม้จะไม่ยากจนเกินไปแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ซึ่งสิ่งสำคัญของงานเพาะกล้าอยู่ที่การเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ดี หากได้พันธุ์ดีจะงอกเร็วและงอกทุกเมล็ด ทำให้ได้ผลผลิตเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ต้องเสียเวลา
จากคำสบประมาทที่ว่า “การเพาะกล้าพืชขาย ทำจนตายก็ไม่รวย เพราะทุกคนสามารถเพาะกล้าปลูกเองได้” คุณสิริกรก็ยิ่งขยัน อดทน เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เพื่อลบคำสบประมาทและไม่สนใจว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม จนวันนี้งานเพาะกล้าพืชกลายเป็นอาชีพสร้างรายได้อย่างงาม ทำให้มีรายรับเป็นหลักล้านต่อปี บนพื้นที่เพียงแค่ 2 งานและตลาดมีความต้องการเป็นจำนวนมาก ทำมาเท่าไหร่ก็ขายได้หมด
จากประสบการณ์การทำงานบริษัทเมล็ดพันธุ์มานานกว่า 20 ปี ของคุณสิริกร ทำให้เกิดความมั่นใจที่จะพลิกพื้นที่หลังบ้านที่มีอยู่เพียง 2 งาน เป็นโรงเรือนเพาะกล้า เพื่อทำการเพาะขยายกล้าพันธุ์พืชผักทุกชนิด เน้นเพาะขายเป็นกล้าถาดจึงใช้ถาดเพาะขนาด 105 หลุม มาเพาะ โดยเริ่มจากใส่ดินปลูกรองในหลุมถาด แล้วหยอดเมล็ดพันธุ์หลุมละ 2-4 เมล็ด จากนั้นรดน้ำ เช้า-เย็น ประมาณ 13 วัน ต้นกล้าก็จะงอกมีใบจิง 1-2 คู่ พร้อมที่จะย้ายต้นกล้าลงถาดหลุมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นใบใหม่ หรือย้ายปลูกลงแปลง สำหรับต้นกล้าที่เพาะจำหน่ายนั้นมีมากกว่า 30 ชนิด ราคาจำหน่ายแต่ละชนิดจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับราคาเมล็ดพันธุ์และความยากง่ายของการเพาะ
ล้าคุณภาพดีต้องเริ่มจากเมล็ดพันธุ์ดี จึงจะได้ต้นพันธุุ์ที่สมบูรณ์ หากเพาะกล้าไม่ดีก็อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ ดังนั้น เมื่อรู้จักใช้เมล็ดพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพแล้ว เราต้องรู้จักขั้นตอนการเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ถูกต้อง และรู้จักใช้วัสดุเพาะกล้าที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้ได้ต้นกล้าที่สมบูรณ์
สินค้าเด่นที่ตลาดมีความต้องการมาก : คุณสิริกร เล่าต่อว่า ต้นกล้าผักที่ขายดีและตลาดต้องการมากชนิดที่มีเท่าไหร่ก็ขายหมด หรือ ผลติตไม่ทันก็คือ พริกกระเหรี่ยง และ ดาวเรือง โดยพริกกระเหรี่ยง จะขายถาดละ 170 บาท ดอกดาวเรืองขายถาดละ 230 บาท ใน 1 ถาด จะได้ต้นกล้า 105 ต้น สำหรับการขายลูกค้าจะสั่งจองหรือสั่งผลิตกันล่วงหน้า ประมาณ 25-30 วัน ก็ตจะมีสินค้าส่งมอบให้ลูกค้าได้แล้ว สำหรับงานเพาะกล้าขาย สิ่งสำคัญก็คือ การเลือกใช้เมล็ดพันธุ์พืชที่มีคุณภาพดี เลือกจากบริษัทที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ได้ผลผลิตดี ต้นกล้าแข็งแรงสมบูรณ์ ลูกค้าที่มาซื้อต่างพอใจในคุณภาพ เพราะจะได้ต้นพืชที่เจริญงอกงามดี รวมถึงมีความแข็งแรง ต้านทานโรค การใช้เมล็ดพันธุ์ดีจึงเป็นการช่วยประหยัดเวลาได้มาก ทำให้มียอดสั่งซื้อเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะนำต้นกล้าไปปลูกเพื่อเก็บผลผลิตจำหน่ายอีกทีหนึ่ง ซึ่งการซื้อต้นกล้าไปปลูกนั้นให้ผลผลิตดีกว่าซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเอง ทางร้านจึงมีลูกค้าประจำเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากจะเพาะกล้าตามการสั่งจองแล้ว ยังมีการเพาะขายหน้าสวน และส่งขายร้านค้าประจำทั่วภาคอีสาน อีกทั้งยังมีลูกค้าจาก สปป.ลาว ที่ได้เข้ามาศึกษาดูงาน ได้ลองซื้อกลับไปปลูกที่ สปป.ลาว แล้วเกิดความประทับใจและสั่งซื้อเข้ามาทุกเดือน ทั้งนี้ พันธุ์ต้นกล้าที่จำหน่ายจะมีราคาเริ่มต้นที่ 120-230 บาท ต่อถาด ได้กำไรเฉลี่ย ถาดละ 30 บาท หนึ่งเดือนขายได้ประมาณ 4,000-5,000 ถาด ถึงแม้โรงเรือนมีพื้นที่เพียง 2 งาน แต่ก็สามารถใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า สามารถสร้างรายได้ 150,000 บาทต่อเดือน ที่สำคัญสามารถเพาะพันธุ์กล้าขายได้ตลอดทั้งปี
ต้นทุนการผลิต
การเพาะกล้าพืชผักเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากลงทุนครั้งเดียว แต่สามารถใช้งานwfhนานหลายปี โดยครั้งแรกลงทุนซื้อไม้ไผ่มาสร้างโรงเรือน และรางวางถาดหลุมใช้ไม้ไผ่ จำนวน 450 ลำ ราคาลำละ 15 บาท ซึ่งไม้ไผ่ที่ซื้อมาสามารถทำได้ 2 โรงเรือน และทำรางได้ 10 ราง นอกจากนี้ยังต้นทุนเรื่องตาข่ายพรางแสงที่นำมาทำหลังคาโรงเรือน อีกประมาณ 2,800 บาท ต้นทุนถาดหลุมขนาด 105 หลุม จำนวน 200 ถาด ราคา 3,200 บาท เมล็ดพันธุ์ 25 ชนิด รวม 2,400 บาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ประมาณ 15,150 บาท ส่วนค่าแรงทำโรงเรือนและรางวางถาดนั้น ไม่มีค่าใช้จ่ายเนื่องจากใช้แรงงานของตนและคนในครอบครัว ซึ่งเมื่อขายต้นกล้าในรอบแรกได้แล้ว ก็จะสามารถคืนทุนได้ และมีกำไรเหลืออีกด้วย
แผนการตลาด
การเพาะต้นกล้าพืชนั้น ไม่ค่อยมีคนทำ เพราะถ้าไม่รักและไม่ใส่ใจในการดูแลรักษาอย่างแท้จริง ก็จะทำไม่ได้ ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้มีคู่แข่งทางการตลาดน้อย สำการตลาดที่ทำอยู่ก็จะอาศัยว่าลูกค้าส่วนใหญ่รู้จักกัน และบอกต่อๆ เนื่องกันมา คุณภาพของต้นกล้าเป็นที่ยอมรับ ทำให้มียอดสั่งซื้อเข้ามาทุกวัน ทั้งในจังหวัด ต่างจังหวัดและประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว นอกจากนี้ตนยังมีการประชาสัมพันธุ์และขายพันธุ์ต้นกล้าผ่านทางโซเซียลมทีเดีย ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จนทำให้มีรายได้มากกว่า 150,000 บาท ต่อเดือน จนได้ชื่อว่า “เพาะกล้าค้าเงินล้าน” เพราะทำรายได้ ได้ตลอดปี
บทสรุป/ข้อเสนอแนะ
การเพาะกล้าให้ประสบความสำเร็จ มีเคล็ดไม่ลับอยู่ที่การเตรียมเมล็ดพันธุ์ก่อนนำไปหยอดเพาะลงในถาดหลุมนั้น ต้องมีการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีไม่มีโรคและแมลงมาใช้ในการเพาะกล้า ก่อนเพาะ 1 วัน ต้องนำเมล็ดพันธฺุไปแช่ในน้ำอุ่น 50 องศาเซลเซียสนาน 20 นาที เพื่อฆ่าเชื้อ กระตุ้นนการงอกและทำลายการพักตัวของเมล็ด จากนั้นจึงนำเมล็ดพันธุ์ไปแช่ในสารละลายไตรโคเดอร์ม่า ไว้ 1 คืน เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราที่จะเข้ามาทำลายกล้าในระยะเริ่มงาอ และจึงนำไปหยอดลงถาดเพาะได้เลย
วีดิโอการเพาะต้นกล้าของคุณ สิริกร ชาญชำนิ : www.youtube.com/watch?v=jklfsaAT3TU