วิถีชีวิตแบบพอเพียง พื้นที่แค่ 1 ไร่ สร้างบ่อเลี้ยงปลา + แปลงผัก พัฒนาต่อยอดสร้างรายได้หลักแสนต่อปี
ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นองค์ความรู้ที่สามารถทำได้จริง ทำได้อย่างยั่งยืน เน้นทำไว้กินไว้ใช้เองพึ่งพาตนเองเป็นหลัก เมื่อเหลือจากนั้นก็นำไปขายสร้างรายได้ ตัวอย่าง ลุงประทีป มายิ้ม เกษตรกรเจ้าของ ศูนย์การเรียนรู้ชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนสวนพออยู่พอกิน บ้านมายิ้ม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของที่ดินเพียง 1 ไร่ แต่ปีๆ หนึ่งทำเงินได้หลายแสน
ด้วยการยึดหลักการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มที่ ดำเนินชีวิตแบบพออยู่พอกิน และพึ่งพาตนเองได้ด้วยการทำการเกษตรแบบธรรมชาติ
โดยพื้นที่ 1 ไร่ของคุณลุงประทีปนั้นแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 พื้นที่ทำปุ๋ยหมัก
แบ่งพื้นที่ 4 ตารางวา เป็นพื้นที่ทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพและสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ย และ หากเหลือใช้ก็สามารถนำไปขายเป็นรายได้เสริม หรือ แจกจ่ายเพื่อนบ้านได้มิตรภาพดีๆกลับมาอีกด้วย
ส่วนที่ 2 ทำแปลงผัก
ปลูกพืชผักสวนครัวไทยๆ ไม่ว่าจะเป็น ข่า ตะไคร้ กระวาน ผักชี ขึ้นฉ่าย ฟักทอง โหระพา กะเพรา พริก มะเขือ มะกรูด มะนาว มะละกอ ฟัก แฟง แตงกวา การปลูกพูชแบบผสมผสานมีข้อดีคือ พืชผักจะดูแลซึ่งกันและกัน ไม่แย่งอาหารกัน และ มีผลผลิตในสวนเรามีหลากหลายในทุกๆฤดูกาล ส่วนผลผลติหลักนั้น คุณลุงประทีบเน้นปลูกมะละกอ โดยปลูกไว้ 200 ต้น สามารถเก็บผลขายได้ทุกวัน วันละ 20 กก. ขายได้กก. ละ 10-15 บาท ส่วนพืชผักอื่นๆ ก็ยังเก็บขายได้อยู่ตลอด ซึ่ง ทำให้คุณลงมีรายได้รวมในส่วนของแปลงผักเฉลี่ยแล้วเดือนละ 20,000 บาท
ส่วนที่ 3 การเลี้ยงสัตว์
โดยแบ่งพื้นที่ 2.5 ตาราวา เป็นส่วนของการเลี้ยงสัตว์ ทำเล้าเป็ดเล้าไก่ขนาดเล็กแบ่งครึ่งเลี้ยงเป็ดไข่ 10 ตัว เลี้ยงไก่ไข่ 10 ตัว ออก ไข่ทุกวัน นำมาประกอบอาหารลดค่าใช้จ่ายในการซื้อไข่ในแต่ละวันได้ และที่สำคัญขี้ไก่ก็เป็นปุ๋ยชั้นดีอีกด้วย และ มีแม่ค้ามารับไข่ถึงที่ไปขายได้อีกเดือนละ 1,000 บาท หรือจะเอาไข่เป็ดมาทำเป็นไข่เค็มเพื่อสร้างมูลค่าสินค้าให้มากขึ้นก็ได้
ส่วนที่ 4 บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ มีจำนวน 2 บ่อ
บ่อที่ 1 ขนาด 2 ตารางวา
เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาดุก โดยมีพ่อพันธุ์ 20 ตัว แม่พันธุ์ 100 ตัว จะได้ลูกพันธุ์ไปขายตัวละ 1 บาท ซึ่งคุณลุงจะขายเฉพาะลูกปลา ส่วนที่เหลือใช้ประโยชน์ปล่อยไว้กินแมลงศัตรูพืช ทำให้ปลาดุกมีอาหารกินฟรีๆ รายได้ตรงส่วนนี้ประมาณ 5,000-10,000 บาท/เดือน
บ่อที่ 2 ขนาด 11 ตารางวา
ก่ออิฐเลี้ยง กุ้ง 4 ชนิด ( กุ้งก้ามแดง, กุ้งก้ามกราม, กุ้งแม่น้ำ, กุ้งฝอย ) เลี้ยงปลา 3 ชนิด ( ปลานิล, ปลาตะเพียน, ปลาคาร์ฟ ) เลี้ยงหอย 2 ชนิด ( หอยขม, หอยโข่ง ) โดยวิธีการเลี้ยงของลุงจะขุดบ่อโดยให้ก้นบ่อเป็นพื้นดินเลี้ยงแบบธรรมชาติ ให้สัตว์น้ำได้ผสมพันธุ์ออกลูกกันเอง ไม่ได้เลี้ยงอาหารเม็ด คุณลุงประทีปให้กินแหน สาหร่าย ผักกระเฉด ผักบุ้ง และยังปลูกข้าวเพื่อนำร่วงข้าวมาไว้ให้สัตว์น้ำกินอีกด้วย โดยใน 1 ปี กุ้งก้ามแดงจะจับขายได้ประมาณ 1 แสนบาท กุ้งก้ามกรามประมาณ 20,000 บาท และ กุ้งแม่น้ำ 2,500 บาท ซึ่งจะจับเฉพาะตัวใหญ่ ตัวเล็กจะเลี้ยงจนหว่าจะโตแล้วค่อยจับขาย เพื่อให้กุ้งได้จับคู่ผสมพันธุ์กันเองออกลูกหลานให้เลี้ยงแบบไม่รู้จบ ในส่วนของปลา เริ่มที่ปลาตะเพียน 10 ตัว ที่คุณลุงประทีปเลี้ยงไว้เพื่อตรวจจับคุณภาพของน้ำเท่านั้น หากวันไหนที่ปลาตะเพียนลอยหัวขึ้น แปลว่าต้องทำการเปลี่ยนน้ำได้แล้ว ปลานิลเลี้ยงไว้ 10 คู่ ออกลูกมาให้จับขายปีละ 3 ครั้งๆ ละ 20 กก. ปีหนึ่ง 2,400 บาท ส่วนปลาคาร์พ ซื้อลูกปลาตัวละ 5 บาท มาเลี้ยง 4-5 เดือน เอาไปขายร้านปลาสวยงามได้ตัวละ 80 บาท มาที่หอยขมและหอยโข่ง คุณลุงเลี้ยงไว้เพื่อช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ก้นบ่อ โดยตอนแรกปล่อยลูกพันธุ์อย่างละ 1-2 กก. พอเลี้ยงจนโตออกลูกออกหลาน ก็สามารถจับขายได้ทุกสัปดาห์ หอยขมได้ 200 บาท หอยโข่ง 300 บาท โดยเฉลี่ยแล้ว ปีละ 25,000 บาท
เมื่อคำนวณโดยรวมแล้ว คุณลุงประทีป มีรายได้ต่อปีไม่ต่ำว่าแสนบาท โดยใช้พื้นที่เพียง 1 ไร่เท่านั้น นี่เป็น 1 ตัวอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตแบบ “เศรษฐกิจพอเพียงแบบยั่งยืน” โดยไม่เน้นผลผลิตอย่างใดอย่างหนึ่งที่ราคาดี แต่ผสมผสานทุกๆอย่างเข้าด้วยกัน ต่อให้บางอย่างราคาตกก็ยังมีอย่างอื่นที่ขายได้กำไร ช่วยให้อยู่กับธรรมชาติและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
ดูคลิปวีดิโอคุณลุง ประทีป มายิ้ม กับการบริหารจัดการพื้นที่ 1 ไร่
คลิป 2